Page 25 - ประวัติสร้างเมืองกาฬสินธุ์ Kalasin History
P. 25

20  ประวัติศาสตร์การตั้งเมืองกาฬสินธุ์

                    พ.ศ. 2443 ได้มีการเปลี่ยนชื่อมณฑลอีกครั้ง กล่าวคือ มณฑล
            ตะวันออกเฉียงเหนือเปลี่ยนเป็นมณฑลอีสาน มณฑลฝ่ายเหนือเปลี่ยนเป็น

            มณฑลอุดร จากนั้นรัฐบาลกลางได้จัดแบ่งกลุ่มหัวเมืองในแต่ละมณฑล
            เรียกว่า “บริเวณ” ส้าหรับบริเวณในมณฑลอีสาน มี 5 บริเวณ คือ 1) บริเวณ
            อุบลราชธานี 2) บริเวณจ้าปาศักดิ์ 3) บริเวณขุขันธ์ 4) บริเวณสุรินทร์ และ
            5) บริเวณร้อยเอ็ด ซึ่งเมืองกาฬสินธุ์สังกัดอยู่ในบริเวณร้อยเอ็ด

                    พ.ศ. 2451 ยกเลิกการปกครองแบบบริเวณ แล้วเปลี่ยนมาปกครอง
            แบบจังหวัดขึ้นในมณฑลอีสาน เมืองในสังกัดประกอบด้วย เมืองร้อยเอ็ด
            เมืองมหาสารคาม เมืองสุวรรณภูมิ เมืองกาฬสินธุ์ และเมืองกมลาไสย

                    พ.ศ. 2455 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
            รัชกาลที่ 6 มีการตั้งมณฑลใหม่ โดยแบ่งเขตการปกครองจากมณฑลอีสาน
            เดิมออกเป็น 2 ส่วน คือ มณฑลอุบลราชธานี และ มณฑลร้อยเอ็ด ซึ่งเมือง
            กาฬสินธุ์สังกัดอยู่ในบริเวณร้อยเอ็ด
                    พ.ศ. 2468 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระป ก เกล้าเจ้าอยู่หัว

            รัชกาลที่ 7 เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่้าและมีผลกระทบต่อประเทศไทยเป็น
            อย่างมาก ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการปรับปรุงเขตการปกครองโดยให้มีการ
            รวมมณฑลเข้าด้วยกัน ยุบรวมจังหวัด อ้าเภอ ต้าลบ เพื่อให้เกิดความ

            เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจของบ้านเมืองในขณะนั้น ดังนั้น มณฑล
            ร้อยเอ็ดจึงถูกยุบ และจังหวัดกาฬสินธุ์จึงถูกสังกัดอยู่กับมณฑลนครราชสีมา
                    พ.ศ. 2474 จังหวัดกาฬสินธุ์ถูกยุบเป็นอ้าเภอหลุบ ขึ้นกับจังหวัด
            มหาสารคาม ภายใต้การปกครองของมณฑลนครราชสีมา

                    พ.ศ. 2490 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล-
            อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย อ้าเภอหลุบ
            ได้รับการยกฐานะให้กลับขึ้นมาเป็นจังหวัดกาฬสินธุ์ และท้าราชการขึ้นตรง
            ต่อกระทรวงมหาดไทย จนถึงปัจจุบัน


                    1 จาก วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และ ภูมิปัญญาจังหวัด
            กาฬสินธุ์ (น. 107-115), โดย คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, 2542,
            กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา.
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30